5 วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

5 วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เสริมสิริมงคลรับมาฆบูชา 2567

24 กุมภาพันธ์ 2567 เนื่องในวันมาฆบูชานี้ สิ่งหนึ่งที่เหล่าพุทธศาสนิกชนมักจะทำกันในวันพระใหญ่คือการเข้าวัดฟังเทศน์ หรือทำบุญ ถวายสังฆทาน เป็นความเชื่อในการเสริมสิริมงคลในชีวิต ต้องบอกว่าประเทศไทยมีวัดอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แต่สำหรับใครที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และอยากเดินทางไปทำบุญในวันมาฆบูชา ที่บรรยากาศดีดี แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและสายน้ำที่งดงาม พีพีทีวีขอแนะน 5 วัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นวัดมีชื่อเสียงด้านความสวยงามให้ได้แวะเวียนไปในวันสำคัญแบบนี้ค่ะ

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

เป็นวัดเก่าแก่ มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า ” วัดแจ้ง “
ตั้งอยู่ที่ถนนอรุณอัมรินทร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ตรงข้ามกับวัดโพธิ์ เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา

จุดเด่น : พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นพระปรางค์สถาปัตยกรรมไทยขนาดใหญ่ ประกอบด้วยปรางค์ประธานและปรางค์รองอีก 4 ปรางค์ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป ทั้งแบบชุดไพรเวทปกติ และถ้าอยากเข้าบรรยากาศความเป็นไทย บริเวณรอบข้างของวัดก็มีร้านที่ให้เช่าชุดไทยสำหรับใส่มาถ่ายภาพอีกด้วย

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชม คนไทยไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างชาติ 100 บาท สอบถามข้อมูล โทร. 0 2891 2185

การเดินทาง
– นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงวัดอรุณ ค่าเรือด่วนเจ้าพระยา ธงสีส้ม 15 บาท, ธงสีฟ้า 30 บาท ค่าเรือข้ามฟาก 3.50 บาท

2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ” วัดพระแก้ว ” วัดที่คนไทยมักจะได้ยินชื่อบ่อยมาก เรียกได้ว่าเป็นวัดที่แขกไปใครมาก็ต้องมาแวะกราบไหว้สักการะ

จุดเด่น : อยู่ที่พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ( พระแก้วมรกต ) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ที่ถูกยกให้มีความสำคัญลำดับแรกเหนือพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ ด้วยเป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานเป็นประธานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจของราชอาณาจักรสยาม

เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 15.30 น.
ถนน หน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพ ระนคร กรุงเทพมหานคร 10200

ค่าเข้าชม : สำหรับคนไทยจะไม่เสียค่าเข้าชม นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเสียค่าเข้าชมคนละ 500 บาท

3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราชวรมหาวิหาร

เดิมเป็นวัดโบราณ ชื่อว่า โพธาราม,  วัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม นั้น ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ เป็นศูนย์รวม ของความรู้ด้านการแพทย์โบราณ

จุดเด่น :  ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและรู้จักคือยักษ์วัดโพธิ์ ยักษ์วัดโพธิ์ เป็นประติมากรรมอยู่ที่ซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑปหรือหอไตรจัตุรมุขของวัด คนโบราณเชื่อว่ายักษ์ที่ยืนเฝ้าซุ้มประตูมีอิทธิฤทธิ์ในการขับไล่ภูตผีปีศาจทั้งหลายจึงมีหน้าที่ปกปักรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันมีค่าที่อยู่ด้านใน

เปิดบริการเวลา 08.00 – 17.30 น.
ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

4. วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ริมคลองผดุงกรุงเกษมและแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามและอยู่ในสภาพที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี โดยตกแต่งด้วยสีน้ำเงินทะเลเป็นหลัก ภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง

จุดเด่นที่ไปแล้วต้องห้ามพลาด :
คือการขอพร คือ องค์เทวราชเนรมิต หรือที่เรียกกันว่า เทพทันใจ โดยเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในการประทานพรการเงิน การงานให้สมหวังอย่างรวดเร็ว

คาถาบูชาองค์เทวราชเนรมิต

ประกาศิตดลใจ ปกเกล้าคุ้มภัย อธิษฐานดั่งใจสําเร็จสมปรารถนา เทพประจําวัดเทวราชกุญชร
อะหัง วันทามิ เทวะราชะนิมมิตัง
อิจฉิตัง ปัตถิตัง มัยหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ ฯ

นำธนบัตรจำนวน 2 ใบ ม้วนเข้าด้วยกันแล้วสอดเข้าที่มือองค์เทวราชเนรมิต อธิษฐานตามความปรารถนา ( 1 ข้อที่ปรารถนาที่สุด ) แล้วเอาหน้าผากแตะที่นิ้วชี้องค์เทวราชเนรมิต จากนั้นนำธนบัตรใบหนึ่งใส่ตู้บริจาค ส่วนอีกใบหนึ่งประทับยันต์องค์เทวราชเนรมิตแล้วนำติดตัวกลับไปเพื่อเป็นสิริมงคล

เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมตั้งแต่ 08.00-17.00 น.
ถนนศรีอยุธยา แขวงวชิระพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

5. วัดยานนาวา

วัดโบราณที่มีมานานคู่กรุงศรีอยุธยามีชื่อเดิมว่า วัดคอกควาย ได้รับการยกย่องให้เป็นพระอารามหลวง 

จุดเด่น : อยู่ที่พระเจดีย์ทรงสำเภาเรือ ขนาดเท่าเรือสำเภาจริง ซึ่งมีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของวัน เช้า-ค่ำ ก็จะเห็นความสวยงามของเรือสำเภาที่เป็นจุดเด่นนี้

เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 18.00 น.
ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ